คำว่า Opprobrium (อัพ-โพร-บรี-อัม) เป็นคำนาม หมายถึง ความอับอาย ความเสื่อมเสีย หรือคำสบประมาท การจะจำคำนี้ให้แม่นๆ เรามีเคล็ดลับง่ายๆ มาฝากกัน อย่างแรก ลองนึกถึงคำว่า “OPP” ที่ย่อมาจาก “OPPOSITE” หรือตรงกันข้าม คนที่ทำอะไรตรงข้ามกับสิ่งที่ดีงาม ก็มักจะโดนพูดถึงในทางที่ไม่ดี ซึ่งก็คือ Opprobrium นั่นเอง
อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้จำง่ายขึ้น คือการลองออกเสียงคำว่า “อับ-โพร-บรี-อัม” ให้ดีๆ เสียง “อับ” ก็เหมือน “อับอาย” ส่วน “โพร” ก็คล้าย “โปรย” คำด่า และ “บรี-อัม” ก็ฟังดูคล้าย “เบรม” (blame) ที่แปลว่าตำหนิ พอรวมกันแล้วก็คือ “อับอายเพราะโดนโปรยคำด่าและตำหนิ” นั่นเอง
เมื่อเราเข้าใจความหมายแล้ว ลองมาดูตัวอย่างประโยคที่ใช้คำนี้กัน เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าเขาใช้กันอย่างไรในสถานการณ์จริง ตัวอย่าง “The politician’s scandal brought widespread opprobrium upon his entire party.” ประโยคนี้บอกเราว่า “เรื่องอื้อฉาวของนักการเมืองคนนั้น นำมาซึ่งความเสื่อมเสียอย่างกว้างขวางแก่พรรคของเขาทั้งหมด” จะเห็นได้ว่าความเสื่อมเสียนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตัวบุคคล แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงกลุ่มคนรอบข้างด้วย ซึ่งการใช้คำนี้มักจะมาพร้อมกับคำอื่นๆ ที่เข้าคู่กันอย่างลงตัว

“To avoid public opprobrium, the company issued an immediate apology and recalled the faulty products.” หรือแปลว่า “เพื่อหลีกเลี่ยงความอับอายจากสาธารณชน บริษัทจึงออกแถลงการณ์ขอโทษทันทีและเรียกคืนสินค้าที่มีข้อบกพร่อง” ประโยคนี้แสดงให้เห็นว่าองค์กรก็ต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องน่าอับอาย และคำว่า Opprobrium มักจะถูกใช้ร่วมกับคำกริยาหรือคำคุณศัพท์บางคำเป็นประจำ
คำที่มักจะใช้ร่วมกับ Opprobrium บ่อยๆ มีหลายคำ เช่น
- “face opprobrium” (เผชิญความเสื่อมเสีย)
- “incur opprobrium” (ได้รับความเสื่อมเสีย)
- public opprobrium” (ความเสื่อมเสียจากสาธารณะ)
- “widespread opprobrium” (ความเสื่อมเสียอย่างกว้างขวาง)
- “bring opprobrium (upon)” (นำมาซึ่งความเสื่อมเสีย)
คำอื่นๆ ที่มีความหมายใกล้เคียงกัน ก็มีคำอย่าง “disgrace” (ความอัปยศ) หรือ “shame” (ความละอาย) ที่สามารถใช้แทนกันได้ในบางบริบท การเรียนรู้คำเหล่านี้ไปพร้อมกันจะช่วยให้เราเข้าใจภาษาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น